เปิดฉากมาหาเรื่องแต่หัววันเลย…เช้าวันหยุดเซ็งๆง่วงๆแบบนี้ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นั่งละเมียดกาแฟขม ๆ ไล่หาเพลงโปรดช่วงยุค ’90s ในยูทูปฟัง…แล้วตั้ง status กวนทีนชาวบ้านเล่นๆ ในเฟซไปด้วย ชีวิตนักดนตรีที่เอาอะไรแน่นอนมากไม่ได้ในภาวะเศรษฐกิจซึมๆแบบนี้ บางครั้งบางทีการสบถบ่นบ้างก็ถือเป็นการผ่อนคลายดีนะ (เด็กๆอายุต่ำกว่า 18 ผู้ปกครองควรแนะนำให้ไปทำการบ้านเพราะพรุ่งนี้วันจันทร์แล้ว 555+ )ใครมันจะไปมีแฮ้ปปี้ได้ทุกวันเหมือนการ์ตูนนะเฟร๊ย !!
8:24 AM
ผมไม่ได้เขียนบทความทางดนตรีมานานมากนับตั้งแต่นิตยสารดนตรีดีๆ หลายฉบับทยอยปิดตัวไปเกือบหมดแล้ว พอเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 (ถรุ๊ย!) เดี๋ยวๆ เค้าเรียกยุคโซเชี่ยล ความคิดที่ว่าคนไทยซึ่งแม่งไม่รักการอ่านอยู่แล้วมันก็ยิ่งทำให้บรรดาคนรักที่จะเขียนท้อแท้ถดถอยหายไปในความมืด แต่อยู่ๆเมื่อคืนไอ้แอดมิน guitar2day เพื่อนผมมันไลน์มาหาผมเมื่อตอนดึกๆ
“เฮ้ยสัส…มึงว่างไหม ช่วยเขียนเรื่องนี้ให้กูหน่อย Distortion Boss DS-1& DS-2 ของเคิร์ท โคเบน..คือกูยุ่งมากงานเข้าหลายเรื่อง ช่วยกูด้วยนะเพื่อน พรุ่งนี้มีคนรออ่านที่เพจ เพราะกูประกาศไปแล้ว อิอิ!”
คือแม่งพิมพ์มาลักษณะเหมือนโยนขรี้เลย ผมเลยตอบไลน์ไป
“เชี่ย…”
นั่นเป็นคำขอบคุณที่สุภาพที่สุดที่ผมจะให้เพื่อนรักผมคนนี้ได้ ลึกๆผมรู้สึกขอบคุณมันมากที่มันยังนึกถึงผมอยู่ เพราะตอนนี้ผมหันเหชีวิตจากนักเขียนบทความดนตรีมาทำไร่แล้ว และคุณรู้ไหมมันทำให้หัวใจผมพองโตว่ะ … !
แปดโมงเช้าวันอาทิตย์ แสงแดดลอดเข้าหน้าต่างมาแยงตาปลุกผมตื่น “เชี่ยเอ้ย..หลับไปตอนไหนวะ วันนี้ต้องเขียนเรื่องเอฟเฟคของเคิร์ท โคเบน ให้ไอ้….กูจะเริ่มยังไงดีวะ !?”
คือ…แม่งตีกรอบมาซะแคบเลย เอฟเฟ็คเคิร์ทมีเป็นสิบตัวให้เขียนกุเรื่องเสียงแตกให้สองก้อน กูจะเขียนยังไง ???
ยิ่งคิด..สนิมที่เกรอะกรังในสมองมานานก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เคาะหัวเท่าไหร่มันก็ไม่หลุดสักที “มันคิดไม่ออก…คือมันไม่ได้เขียนมานานไง เชี่ยละครับ!!! ”
***ไอ้แอด…ส่งแค่นี้ก่อนได้ไหมวะ กูคิดไม่ออกจริงๆ ขอนอนต่ออีกแป้บเย็นๆกูส่งให้ที่เหลือให้นะๆ .. มึงให้แฟนเพจดูรูปไปก่อนนะ ^^
